เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล รู้ทันป้องกันได้!

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวในเขตภาคกลาง เฝ้าระวังการระบาด เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้เหมาะต่อการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ดังนั้น ขอให้เกษตรกรควรเฝ้าระวัง และหมั่นสำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปลูกข้าวหนาแน่นจนเกินไป ลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราสูง รวมทั้งสภาพนาข้าวที่มีน้ำขังในนาตลอดเวลา ท้าให้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสามารถ เพิ่มจำนวนได้มากกว่าสภาพที่มีการระบายน้ำในนาออกเป็นครั้งคราว เพราะสภาพที่มีความขึ้นเหมาะแก่การ เจริญเติบโตของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หากพบการระบาดให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาด รุนแรง

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จะมีการพัฒนาของปีก 2 รูปแบบ คือ: ปีกยาว(macropterous) และ รูปร่างปีกสั้น(brachypterous) รูปแบบปีกยาวจะมีปีกด้านหน้าและหลังปกติ และปรับให้เข้ากับการอพยพย้ายถิ่นเพื่อหาแหล่งอาหารใหม่ เช่นเดียวกับในกรณีพืชอาหารมีช่วงสั้นๆ หลังจากอพยพบนต้นข้าวแล้ว ตัวเมียที่มีปีกจะออกลูกรุ่นต่อไป ซึ่งลูกตัวเมียส่วนใหญ่พัฒนาเป็นปีกสั้น และตัวผู้จะเป็นปีกยาว ส่วนรูปแบบปีกสั้น โดยทั่วไปมีขนาดใหญ่กว่าและมีขายาวและพบอวัยวะวางไข่(ovipositors) มีปีกที่สั้นและเล็กกว่ามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งปีกหลังซึ่งเป็นพื้นฐานในการบิน มีหลายปัจจัยที่ทำให้เพลี้ยกระโดดพัฒนารูปร่างของปีกที่แตกต่างกัน การเพิ่มขึ้นของประชากรตัวอ่อน(nymphal) ในช่วงที่พืชอาหารมีคุณภาพและปริมาณที่ลดลง จะกระตุ้นให้สร้างปีกยาว นอกจากนี้ช่วงเวลาระหว่างกลางวันที่สั้นลง และอุณหภูมิที่ลงลง จะสนับสนุนสร้างประชากรที่ปีกยาว

สาเหตุของการระบาด

การปลูกข้าวแบบนาหว่านน้ำตม เพราะเป็นนาที่มีต้นข้าวขึ้นหนาแน่น ทำให้มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลการมีน้ำขังในนาข้าวตลอดเวลา เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เกิดการระบาดและแพร่กระจาย การใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนมากเกินไป เพราะจะทำให้ข้าวโตดี มีใบเขียว ต้นหนาแน่น อวบน้ำ ที่ล่อให้เจ้าเพลี้ยกระโดดมาดูดกินและขยายพันธุ์ในนาข้าว การใช้สารฆ่าแมลงมากเกินไป เพราะทำให้ศัตรูธรรมชาติถูกทำลาย จนไม่สามารถกำจัดไข่ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้

ลักษณะการทำลายและการระบาด

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายข้าวโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากเซลส์ท่อน้ำท่ออาหาร บริเวณโคนต้นข้าวระดับเหนือผิวน้ำ ทำให้ต้นข้าวมีอาการใบเหลืองแห้งลักษณะคล้ายถูกน้ำร้อนลวกแห้งตายเป็นหย่อมๆ เรียก”อาการไหม้”(hopperburn) โดยทั่วไปพบอาการไหม้ในระยะข้าวแตกกอถึงระยะออกรวงซึ่ง ตรงกับช่วงอายุขัยที่ 2 – 3(generation) ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าวนาข้าวที่ขาดน้ำ ตัวอ่อนจะลงมาอยู่ที่บริเวณโคนกอข้าวหรือบนพื้นดินที่แฉะมีความชื้น นอกจากนี้เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัส โรคใบหงิก(rice raggedstunt)มาสู่ต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวมีอาการแคระแกร็นต้นเตี้ยใบสีเขียวแคบและสั้นใบแก่ช้ากว่าปกติ ปลายใบบิด เป็นเกลียว และ ขอบใบแหว่งวิ่น

วิธีป้องกันและกำจัด
  1. ไม่ควรปลูกข้าวหลายๆรุ่นติดต่อกันในแปลงนา ควรพักนาให้ว่างเปล่าเป็นระยะเวลาพอสมควรเพื่อตัดชีพจักรของแมลง หรืออาจปลูกพืชอื่นสลับกับข้าวแทนที่จะทำนาตลอดปี
  2. ในระยะต้นฤดูอาจใช้กับดักแสงไฟ ดักแมลงแล้วจับแมลงที่มาเล่นไฟทำลายทิ้งเสียวิธีนี้ควรทำโดยความร่วมมือจากชาวนาในละแวกใกล้เคียงทำโดยพร้อมเพรียงกัน
  3. หมั่นตรวจดูนาเสมอ ถ้าพบแมลงระบาดในระยะกล้าและเคยเป็นพื้นที่มีโรคใบหงิกระบาดมาก่อน ควรพ่นสารกำจัดแมลงทันที ควรกำจัดแมลงตามความมากน้อยของแมลงที่เกิด  โดยปกติควรพ่นสารกำจัดแมลงเมื่อพบแมลงเฉลี่ย 1 ตัวต่อต้น หรือ 5 – 10 ตัวต่อกอ ในระยะ 50 วันหลังจากปักดำ หลังจากนี้แล้วควรพ่นเมื่อมีแมลงประมาณ 10-20 ตัวต่อกอ
  4. งดการใช้ปุ๋ยยูเรีย เมื่อแมลงระบาด
  5. กำจัด เพลี้ย ด้วย #ไทอะมีทอกแซม25ดับเบิลยูจี ตัวช่วยในการกำจัดเพลี้ย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยทุกชนิด!! ที่เข้ามาทำลายพืชสวน ทำให้ได้รับความเสียหายและพืชต้องเป็นโรคและตายลงไป
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

👉🏻 สนใจติดต่อสอบถามและสั่งซื้อได้ที่ สองแสงจันทร์ ปุ๋ย ยา ราคาส่ง

บทความอื่นๆ

Similar Posts