วัชพืช วิธีกำจัด
การกำจัด วัชพืช มีหลายวิธีดังนี้
- การถอน ชาวสวนมักดายหญ้าต้นสูงๆ ออก หรือที่เรียกว่า ทำรุ่น โดยใช้มีด จอบ หรือเสียม หากต้นเล็กใช้การถอนออก ซึ่งเหมาะสำหรับสวนที่มีเนื้อที่น้อยๆ และวัชพืชนั้นเพิ่งเริ่มงอก รากหยั่งดินยังไม่ลึก
2. การขุดโดยใช้มีด จอบ และเสียม เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือของกสิกร ใช้ถางขุดทำลายวัชพืช ทำได้ตั้งแต่ไร่ขนาดเล็กถึงไร่ขนาดใหญ่ แต่ต้องมีแรงงานพอที่จะทำการขุดหรือถาง การใช้จอบหรือเสียม
3. การใช้เครื่องมือทุ่นแรงในการเกษตร เช่น การใช้รถแทรกเตอร์ไถหรือพรวนดิน ก่อนลงมือปลูกพืช นอกจากเป็นการเตรียมดินแล้ว ยังทำให้จำนวนวัชพืชลดลงได้มาก เช่น หญ้าขจรจบ ถ้ามีการไถพรวนดินสัก2-3 ครั้ง ก่อนลงมือปลูก
และวิธีสุดท้ายคือ การกำจัดโดยใช้สารกำจัดวัชพืช เป็นวิธีการแพร่หลายมากในปัจจุบัน เพราะเป็นการกำจัด วัชพืช ที่ได้ผล ยิ่งที่ทำการเพาะปลูกมากๆ การใช้แรงงานคนนั้นช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ สิ้นเปลืองมากกว่าใช้สารเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศที่ค่าแรงแพงและหายากจะเป็นปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง วิธีกำจัด วัชพืช โดยใช้สารเคมีเริ่มตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2440 และต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการนำเอาสารเคมีทูโฟดี มาใช้ ปรากฏว่า ในอัตราส่วนต่างๆ ไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อหญ้า แต่จะทำให้พืชใบกว้างไม่เจริญเติบโตหรือตายได้ ดังนั้น จึงนิยมใช้สารเคมีชนิดนี้กำจัดวัชพืชในแปลงปลูกข้าว ข้าวโพด และทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ การที่สารกำจัดวัชพืชสามารถทำลายวัชพืช และไม่ทำลายพืชปลูก เรียกว่า สารชนิดนั้นมีความสามารถในการเลือกทำลาย ส่วนสารที่ทำลายทั้งวัชพืช และพืชปลูก เรียกว่า สารชนิดนั้นไม่เลือกทำลาย จากนั้นได้มีการคิดค้นหาสารเคมีอื่นๆ หรือใช้สารเคมีหลายชนิดผสมกัน เพื่อใช้กำจัดวัชพืชใบแคบหรือกำจัดพืชยืนต้น จนกระทั่งปัจจุบันการกำจัดวัชพืช มีหลายชนิด แต่ละชนิดเป็นอันตรายต่อพืช คน และสัตว์ ซึ่งอันตรายที่ได้รับจะมากแค่ไหนย่อมขึ้นอยู่กับความมากน้อยหรือความเข้มข้นของสารเคมีนั้นๆ จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
สารกำจัดวัชพืช แบ่งออกตามลักษณะการทำลายเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ
- ชนิดถูกต้นตาย หลังจากที่ใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นลงบนต้นวัชพืชแล้ว สารจะไม่เคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของลำต้น แต่จะไปทำลายส่วนที่เป็นสีเขียว ทำให้ขาดการปรุงอาหาร ต้นวัชพืชจะค่อยๆ เหลืองและแห้งตายในที่สุด ยาพวกนี้ได้แก่ โซเดียมอาร์ซีไนต์ และโซเดียมคลอเรต ใช้ฉีดหลังจากที่วัชพืชงอกเป็นต้นโตหนาแน่นแล้ว แต่ยังไม่ได้ปลูกพืชเศรษฐกิจ เหมาะสำหรับวัชพืชที่มีอายุเพียงปีเดียว เช่น หญ้ายาง หญ้าขจรจบ
2. ชนิดดูดซึมไปทั่วต้นวัชพืช สารกำจัด วัชพืช ชนิดนี้ใช้กับต้นไม้ หรือไม้พุ่ม หรือพวกพืชข้ามปีเพราะหลังจากที่ฉีดยาแล้ว ตัวยาจะซึมไปตามท่อน้ำท่ออาหารของต้นพืช ยาบางชนิดอาจทำลายเนื้อเยื่อบริเวณท่ออาหาร บางชนิดอาจรบกวนระบบการทำงานของขบวนการภายในของพืชเช่น การหายใจ การสังเคราะห์แสง และการแบ่งเซลล์ที่ปลายรากและปลายยอด ตัวอย่างชนิดนี้ เช่น ทูโฟดี ดาลาพอน
3. การพ่นลงดินเพื่อป้องกันการงอกของเมล็ดวัชพืช อาจใช้แปลงพืชปลูก หรือที่ใดก็ได้ที่ไม่ต้องการให้วัชพืชขึ้น ในขณะที่พ่นยา ดินควรจะชื้นหรือควรให้ได้รับน้ำฝนในระยะสองสามวันหลังจากนั้นถ้าไม่มีฝนควรเคล้ายาลงดินตื้นๆ ไว้ก่อน ยาชนิดนี้จะทำลายเมล็ดวัชพืชขณะกำลังงอก โดยเข้าทางราก หรือส่วนของต้นใต้ดิน เช่น ยาอะทราซีน ไดยูรอน
การกำจัดวัชพืช แต่ละวิธีที่ได้กล่าวมาแล้ว บางครั้งก็ไม่สามารถกำจัดได้ จำเป็นต้องใช้หลายๆ วิธีประกอบกัน เพื่อทำให้วัชพืชหมดไปหรือลดลง ซึ่งเรียกว่า การกำจัดโดยวิธีผสมผสาน (integrated control) เช่น สถานีประมง บึงบรเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ใช้วิธีกำจัดวัชพืชน้ำ โดยใช้สารกำจัดวัชพืชร่วมกับการใช้เครื่องจักกว้าน หรือลากวัชพืชขึ้น และใช้แรงคนกวาดขนวัชพืชขึ้นจากน้ำอีกด้วย