ปุ๋ย ทางดิน และ ปุ๋ยทางใบ
ปุ๋ย ทางดิน และ ปุ๋ยทางใบ แบบไหนดีกว่า วิธีการใส่ปุ๋ยทำแบบไหนได้บ้าง? พืชถึงโตเร็ว
พืชดูดธาตุอาหารไปใช้ประโยชน์ใน ลักษณะที่เป็นสารประกอบง่ายๆ ของ ธาตุต่างๆ พืชโดยทั่วไปต้องการ ธาตุอาหารพืชเพียง 16 ธาตุ แยกเป็น
- ธาตุอาหารพืชหลัก หมายถึง ธาตุอาหารพืช ที่พืชต้องการในปริมาณที่มาก ดินทั่วไปมักมีไม่เพียงพอ จึงต้องใส่เพิ่มเติมในรูปของ ปุ๋ย ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเชียม
- ธาตุอาหารรอง หมายถึง ธาตุอาหารพืชที่ พืชต้องการน้อยแต่พืชก็ขาดไมได้เช่นกัน ดินมักไม่ขาด แคลนบ่อยๆ ได้แก่ ธาตุกำมะถัน แคลเชียม และแมกนี- เชียม
- ธาตุอาหารเสริม หมายถึง ธาตุอาหารที่พืช ต้องการในปริมาณน้อย แต่พืชก็ขาดไม่ได้เช่นกัน ได้แก่ ธาตุเหล็ก ทองแดง แมกกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดีนัม และคลอรีน สำหรับธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกชิเจน จะมี อยู่ในพืชและได้รับจากน้ำและอากาศ จึงไม่จำเป็นต้องใส่ ให้พืชเพิ่มเติม
สำหรับวิธีการใส่ปุ๋ยให้กับพืชจะสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การให้ปุ๋ยทางดินและการให้ปุ๋ยทางใบ
การให้ปุ๋ยทางดิน
จุดเด่น
- ปุ๋ยทางดินคงอยู่ในดินให้พืชได้ใช้ประโยชน์นานกว่าปุ๋ยทางใบ
- ปุ๋ยทางดินราคาถูกกว่าปุ้ยทางใบ เมื่อเทียบราคาที่เท่ากัน ต่อหน่วยธาตุอาหารที่พืชได้รับ
- ปุ๋ยเคมีทางดินสามารถผสมแม่ปุ๋ยให้ได้สัดส่วน N P K ตามที่เรา ต้องการได้
ข้อจำกัด
- ถ้า p H ดินไม่เหมาะสม พืชจะดูดใช้ปุ๋ยทางดินได้ไม่เต็มที่
- ปุ๋ย ทางดินบางชนิดถ้าใส่ต่อเนื่องกัน จะทำให้ดินเป็นกรด เช่นปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต
- การใส่ ปุ๋ยเคมีทางดินต่อเนื่องกันนานๆ จะทำให้ดินแข็งแน่นทึบ
การให้ปุ๋ยทางใบ
จุดเด่น
- ในช่วงบำรุงผล การให้ปุ๋ยทางใบ พืชจะดูดใช้ได้เร็วกว่า ขณะที่ปุ๋ย ทางดินต้องรอพีชลำเลียงจากรากมาสู่ผล
- การให้ปุ๋ยทางใบช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหาร ในกรณีที่พืชไม่สามารถ ดูดกินทางรากได้
- การให้ปุ๋ยทางใบ แก้อาการขาดจุลธาตุได้เร็วกว่าปุ๋ยทางดิน
ข้อจำกัด
- การให้ปุ๋ยทางใบ พืชจะดูดใช้ธาตุอาหารได้น้อยกว่า การให้ปุ๋ยทางดิน
- การให้ปุ้ยทางใบ จะต้องฉีดพ่นบ่อยกว่าการให้ปุ๋ยทางดิน ทำให้ เปลืองต้นทุนค่าแรงงาน
- ถ้าฉีดพ่นปุ้ยทางใบช่วงที่มีความขึ้นในอากาศสูง ซึ่งเป็นช่วงที่ ปากใบพืชปิดอยู่ จะทำให้พืชได้รับปุยน้อยลงไปอีก


ถ้าดินเก่ามันไม่ดี มาเริ่มดินใหม่ กับ #จินฟู่40 เพราะเราช่วยให้พืชเจริญเติบโต อุดมสมบูรณ์ เพิ่มผลผลิต ลองดูไม่ผิดหวังแน่นอน !
อัตราการใช้ : 2-5 กิโลกรัม ต่อต้น/ต่อครั้ง • ใช้รองพื้นก่อนปลูกพืชหรือเริ่มปลูกพืช 1-2 กิโลกรัมต่อต้น / 50 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ • ใช้โรยบริเวณรอบโคนต้น 2-5 กิโลกรัมเมื่อพืชเริ่มโตขึ้น